วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559
วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
Green Marketing คืออะไร?
|
- See more at: http://www.prosoftcrm.in.th/ArticleInfo.aspx?ArticleTypeID=77&ArticleID=3556#sthash.HDCEtlqI.dpuf
วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
4 P's นั้นสำคัญแค่ไหน
4 P's ส่วนประสมทางการตลาด
4Ps เป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการทำการตลาดของคุณ เป็นส่วนประกอบการทำการตลาดที่มีมานานแสนนาน แต่มีนักการตลาดไม่กี่คนเท่านั้นที่ใช้หลักการนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ในการขายหรือทำการตลาดสินค้าปัจจุับันเน้นทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้สินค้าของตัวเองจำหน่ายออกไปจนทำให้ลืม นำเอาหลักการ 4Ps มาใช้ ซึ่งผมว่ามันน่าเสียดาย ผมแนะนำให้คุณจูนสมองคุณใหม่และนำหลักปัจจัยดังกล่าวมาใช้เป็นองค์ประกอบในการทำการตลาดของคุณ ซึ่งผมจะอธิบายหลักการนี้ให้เห็นชัดเจนดังนี้
P = Product สินค้าของคุณ คุณรู้จักสินค้าของคุณมากน้อยแค่ไหน คุณได้ลองใช้สินค้าของคุณหรือยัง มีนักขายหรือนักการตลาดส่วนมากยังไม่เคยลองใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณ เลย พอลูกค้าสนใจสินค้า สอบถามมาก็ตอบแบบกุกๆ กักๆ ทำให้ไม่เกิดความมั่นใจกับลูกค้า จนลูกค้าต้องปฏิเสธการซื้อสินค้าจากคุณ และคุณก็กลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือไปเลย ฉะนั้นสิ่งแรกที่คุณต้องทำก็คือ คุณต้องรู้จักจุดเด่นของสินค้าของคุณ ด้วยการลองใช้สินค้าของคุณเอง คุณจึงจะสามารถตอบคำถามของลูกค้าได้ด้วยความมั่นใจ
P = Price ราคาสินค้าของคุณ เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ของคุณหรือไม่ ความเหมาะสมคืออะไร ผมคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ราคาสำคัญกับการตัดสินใจซื้อของลูกค้าของคุณมากแค่ไหน คุณจะสามารถตั้งราคาได้สูงได้ก็ต่อเมื่อ คุณสามารถสร้างมูลค่าของสินค้าของคุณมากน้อยเพียงใด หากคุณสามารถแสดงให้ลูกค้าเห็นมูลค่าของสินค้าได้มาก คุณก็สามารถตั้งราคาสินค้าได้สูงมากเท่านั้น ผมมีหลักอยู่ว่าการเสนอมูลค่าของสินค้าให้สูงๆ ได้นั้นคุณต้องแสดงให้ลูกค้าเห็นว่า " สินค้าของคุณสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากเพียงใด " คุณไม่ต้องลดราคาเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งหากคุณสามารถแสดงให้ลูกค้าเห็นได้ว่าเขาไ้ด้รับประโยชน์จากสินค้าของคุณมากมายนัก
P = Place ลูกค้าเป้าหมายของคุณคือใคร คุณมีวิธีจำหน่ายอย่างไรเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าของคุณได้มากที่สุด คุณจะจำหน่ายผ่านสื่อหรือช่องทางไหน ยกตัวอย่างเช่น ทาง Internet ด้วยการเปิดร้านออนไลน์ หรือการเปิดหน้าร้าน การขายแบบตรงๆ เป็นต้น หาสักช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าคุณได้ นักขายหรือนักการตลาดบางคนไม่ได้วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายก่อนจำหน่าย ทำให้การขายสินค้าหรือลูกค้าเข้าถึงได้น้อย เหมือนกับนำสเต็กเนื้อ ไปขายให้กับคนกินมังสวิรัต เป็นต้น ขายแทบตาย คุณก็ขายไม่ได้จริงไหม
P = Promotion คุณมีกลยุทธ์การส่งเสริมการขายอย่างไร วิธีการนี้ก็คือ คุณสามารถทำให้มูลค่าของสินค้าดูคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่ลูกค้าจ่ายให้คุณได้อย่างไร เช่น ขาย Computer แถม Ram ขาย Printer แถมหมึกพิมพ์อีก 1 ชุด พร้อมการรับประกันซ่อมฟรี 1 ปีเป็นต้น หรือขายรถก็อาจจะแถมประกันภัยชั้น 1 พร้อมเบาะหนังอย่างดี และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะมีเป็นการให้สิ่งเพิ่มเติมกับสินค้าให้ลูกค้าที่ลูกค้าจะได้ตัดสินใจง่ายดายขึ้นในการซื้อ และที่ระวังการสร้างมูลค่าเพิ่ม นั้นควรเพิ่มเติมสิ่งที่สอดคล้องกับสินค้าที่คุณทำการตลาด ไม่เช่นนั้นขายไม่ได้ ไม่รู้ด้วยน่ะครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับหลัก 4Ps บางคนเรียนมาก็ลืมไปแล้ว บางคนนำมาใช้แต่ไม่ได้ผลลองทำตามคำแนะนำในแต่ละหัวข้อ ที่ผมบรรยายและนำไปปรับใช้ ผมว่าการตลาดสินค้าของคุณดีขึ้นแ่น่นอน แต่ผมจะฝากไว้อีกข้อหนึ่งว่า การทำการตลาดต้องมีการคิด และปรับใช้ให้เข้ากับลูกค้า รวมถึงสถานการณ์ ณ ปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา นักการตลาดต้องเป็นนักเคลื่อนไหว ไม่ใช่นักนั่งนิ่งๆๆๆ รอสวรรค์มาเกยน่ะครับ
P = Product สินค้าของคุณ คุณรู้จักสินค้าของคุณมากน้อยแค่ไหน คุณได้ลองใช้สินค้าของคุณหรือยัง มีนักขายหรือนักการตลาดส่วนมากยังไม่เคยลองใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณ เลย พอลูกค้าสนใจสินค้า สอบถามมาก็ตอบแบบกุกๆ กักๆ ทำให้ไม่เกิดความมั่นใจกับลูกค้า จนลูกค้าต้องปฏิเสธการซื้อสินค้าจากคุณ และคุณก็กลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือไปเลย ฉะนั้นสิ่งแรกที่คุณต้องทำก็คือ คุณต้องรู้จักจุดเด่นของสินค้าของคุณ ด้วยการลองใช้สินค้าของคุณเอง คุณจึงจะสามารถตอบคำถามของลูกค้าได้ด้วยความมั่นใจ
P = Price ราคาสินค้าของคุณ เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ของคุณหรือไม่ ความเหมาะสมคืออะไร ผมคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ราคาสำคัญกับการตัดสินใจซื้อของลูกค้าของคุณมากแค่ไหน คุณจะสามารถตั้งราคาได้สูงได้ก็ต่อเมื่อ คุณสามารถสร้างมูลค่าของสินค้าของคุณมากน้อยเพียงใด หากคุณสามารถแสดงให้ลูกค้าเห็นมูลค่าของสินค้าได้มาก คุณก็สามารถตั้งราคาสินค้าได้สูงมากเท่านั้น ผมมีหลักอยู่ว่าการเสนอมูลค่าของสินค้าให้สูงๆ ได้นั้นคุณต้องแสดงให้ลูกค้าเห็นว่า " สินค้าของคุณสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากเพียงใด " คุณไม่ต้องลดราคาเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งหากคุณสามารถแสดงให้ลูกค้าเห็นได้ว่าเขาไ้ด้รับประโยชน์จากสินค้าของคุณมากมายนัก
P = Place ลูกค้าเป้าหมายของคุณคือใคร คุณมีวิธีจำหน่ายอย่างไรเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าของคุณได้มากที่สุด คุณจะจำหน่ายผ่านสื่อหรือช่องทางไหน ยกตัวอย่างเช่น ทาง Internet ด้วยการเปิดร้านออนไลน์ หรือการเปิดหน้าร้าน การขายแบบตรงๆ เป็นต้น หาสักช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าคุณได้ นักขายหรือนักการตลาดบางคนไม่ได้วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายก่อนจำหน่าย ทำให้การขายสินค้าหรือลูกค้าเข้าถึงได้น้อย เหมือนกับนำสเต็กเนื้อ ไปขายให้กับคนกินมังสวิรัต เป็นต้น ขายแทบตาย คุณก็ขายไม่ได้จริงไหม
P = Promotion คุณมีกลยุทธ์การส่งเสริมการขายอย่างไร วิธีการนี้ก็คือ คุณสามารถทำให้มูลค่าของสินค้าดูคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่ลูกค้าจ่ายให้คุณได้อย่างไร เช่น ขาย Computer แถม Ram ขาย Printer แถมหมึกพิมพ์อีก 1 ชุด พร้อมการรับประกันซ่อมฟรี 1 ปีเป็นต้น หรือขายรถก็อาจจะแถมประกันภัยชั้น 1 พร้อมเบาะหนังอย่างดี และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะมีเป็นการให้สิ่งเพิ่มเติมกับสินค้าให้ลูกค้าที่ลูกค้าจะได้ตัดสินใจง่ายดายขึ้นในการซื้อ และที่ระวังการสร้างมูลค่าเพิ่ม นั้นควรเพิ่มเติมสิ่งที่สอดคล้องกับสินค้าที่คุณทำการตลาด ไม่เช่นนั้นขายไม่ได้ ไม่รู้ด้วยน่ะครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับหลัก 4Ps บางคนเรียนมาก็ลืมไปแล้ว บางคนนำมาใช้แต่ไม่ได้ผลลองทำตามคำแนะนำในแต่ละหัวข้อ ที่ผมบรรยายและนำไปปรับใช้ ผมว่าการตลาดสินค้าของคุณดีขึ้นแ่น่นอน แต่ผมจะฝากไว้อีกข้อหนึ่งว่า การทำการตลาดต้องมีการคิด และปรับใช้ให้เข้ากับลูกค้า รวมถึงสถานการณ์ ณ ปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา นักการตลาดต้องเป็นนักเคลื่อนไหว ไม่ใช่นักนั่งนิ่งๆๆๆ รอสวรรค์มาเกยน่ะครับ
การตลาดคืออะไร?
การตลาด คือ กระบวนการของการสื่อสารคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการไปยังลูกค้า การตลาดอาจถูกตีความว่าเป็นศิลปะแห่งการขายสินค้าในบางครั้ง แต่การขายนั้นเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของการตลาด
การตลาดอาจถูกมองว่าเป็นหน้าที่ขององค์การและกลุ่มกระบวนการเพื่อการผลิต การส่งสินค้าและการสื่อสารคุณค่าไปยังลูกค้า และการจัดการความสัมพันธ์ต่อลูกค้า ในทางที่เป็นประโยชน์แก่องค์การและผู้ถือหุ้น การจัดการการตลาดเป็นศิลปะของการเลือกตลาดเป้าหมาย ตลอดจนการได้มาและการรักษาลูกค้า ผ่านทางการจัดหาคุณค่าของลูกค้าที่เหนือกว่า
มีมโนทัศน์ห้าอย่างหลัก ๆ ที่องค์การสามารถเลือกเพื่อนำไปดำเนินการธุรกิจได้แก่ มโนทัศน์เน้นการผลิต เน้นผลิตภัณฑ์ เน้นการขาย เน้นการตลาด และเน้นการตลาดองค์รวม ซึ่งองค์ประกอบสี่อย่างของการตลาดองค์รวมคือ การตลาดความสัมพันธ์ การตลาดภายใน การตลาดครบวงจร และการตลาดรับผิดชอบต่อสังคม กลุ่มของภาระหน้าที่ที่สำคัญต่อการจัดการการตลาดที่ประสบผลสำเร็จประกอบไปด้วย การมองการตลาดเชิงลึก การติดต่อเชื่อมโยงกับลูกค้า การสร้างตราสินค้าที่มั่นคง การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองลูกค้า การส่งสินค้าและการสื่อสารคุณค่า การสร้างความเจริญเติบโตในระยะยาว และการพัฒนากลยุทธ์และแผนการตลาด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)